12 replies to this topic

[dokaponk]

ง่า เนื่องจากกระทู้หายไปแว้ว จึงขอถามคุณ jacky เอาดื้อๆเยย ว่า ตอนนั้นคุณ jacky post เรื่อง blob file เอาไปทำประโยชน์อะไรได้นอกจากเกบไฟล์รูปนะครับ รบกวนตอบไว้หน่อย หรืออธิบายซ้ำเยยก็ยิ่งดี จ๊วบบบ

[JackY]

ง่า เนื่องจากกระทู้หายไปแว้ว จึงขอถามคุณ jacky เอาดื้อๆเยย ว่า ตอนนั้นคุณ jacky post เรื่อง blob file เอาไปทำประโยชน์อะไรได้นอกจากเกบไฟล์รูปนะครับ รบกวนตอบไว้หน่อย หรืออธิบายซ้ำเยยก็ยิ่งดี จ๊วบบบ

หุหุ คือที่จริงแล้ว BLOB Field นั้นเราสามารถเอาไว้เก็บอะไรก็ได้ครับ คือมันเก็บเป็น Binary เช่นเก็บไฟล์เอกสาร Word,Excel หรือรูปภาพ ซึ่งถ้าใครใช้เดลไฟและ FastReport ในการทำงานนั้นเราสามารถเก็บตัวรายงานของ FastReport ลงใน Database ได้เลย เพราะตัว FastReport เองมี Method ชื่อ "LoadFromStream" ซึ่งเราสามารถใช้ Method นี้ load เอาไฟล์รายงานที่เก็บไว้ใน Database ได้ในทันที ข้อดีของการทำแบบนี้คือทุกๆ client นั้นจะใช้รายงานตัวเดียวกันทั้งหมด ไม่มีรายงานของเครื่องใครเครื่องมัน คือคุณสามารถทำ Centralize Management ได้แบบว่าปรับปรุงที่เดียวที่เหลือเหมือนกันหมดครับ

แต่ที่ผมเอามาโพสในบอร์ดคือการเก็บพวก Setup Security ให้แต่ละ user ครับ แบบว่าพวกการ lock menu ต่างๆ ซึ่งที่ผมเคยใช้คือการ lock กี่เมนูก็สร้าง field เท่าจำนวนเมนูที่ต้องการ lock ซึ่งถ้าต่อไปมีการเพิ่ม menu ก็ต้องแก้ทั้ง database และแก้โปรแกรม แต่ถ็ใช้ BLOB นั้นเราสามารถสร้างเพียง Field เดียวเพื่อใช้เก็บได้ครับ

ส่วนตัวอย่างนั้นแบบว่าลืมไปบ้างแล้ว ขอเวลาไปเรียบเรียงให้ดีก่อนนะครับ เพราะรู้สึกว่าคราวที่แล้วอธิบายค่อนข้างรวบรัดไปนิดนึง แล้วจะเข้ามาโพสใหม่ครับ

[X CroSs]

มันคืออะไร อ่านแล้วมะเก็ตเลยงับท่าน -..-

[JackY]

มันคืออะไร อ่านแล้วมะเก็ตเลยงับท่าน -..-

คำว่า BLOB ของเดลไฟมันย่อมาจาก Binary Large Object ครับ เทียบกับ Field Type ใน SQL Server ก็เท่ากับพวกที่เป็น Image คือใช้เก็บพวกรูปภาพหรือไฟล์ที่เป็น Binary ครับ แล้วผมก็เลยเอามา Apply เก็บพวก Secure ต่างๆของโปรแกรมไว้ใน Field นี้ไงครับ เอาไว้มาอธิบายแบบละเอียดจะเห็นภาพชัดกว่า ขอไปเรียบเรียงก่อนนะครับ แล้วจะมาตอบใหม่

แล้วจะเอา code ของการเก็บรายงานไว้ใน Database มาให้ดูด้วย หุหุ VB ทำได้เป่า Crystal Report ทำได้มั้ย หุหุ เกลียดมัน แต่ก็ยังหากินกะมัน ทั้งๆที่เกลียด อะจึ๋ย เด็กมหาลัยทำไมชอบใช้กันจัง

[dokaponk]

จ๊วบบบบบ ขอบคุณค้าบบ เผื่อไม่เห็นภาพ ----
อย่างถ้าไปทำappขึ้นมาตัวนึง จะมีพวกเจ้ากี้เจ้าการมาแบ่ง security คนนั้นเข้าformนี้ไม่ได้ ปุ่มนี้กดได้ คนนั้นห้ามกดปุ่มนี้ ปุ่มนี้ disable ปุ่มนั้น enable ถ้าไปนั่งcodeก็จะรู้สึกว่าทำไมมันไม่เป็นระเบียบเลยว้า เพิ่มปุ่มขึ้นมาก็ต้องไปนั่งแก้อีก ประมาณนี้อ่ะครับ คุง jacky เค้าใช้ blob field มาทำหน้าที่จัดระเบียบให้

แล้วคุง Jacky แน่น C ด้วยไหมง้าบ จะได้มารบกวนอีก จ๊วบบบ ล่วงหน้า

[X CroSs]

^^^^^^^^^^^ อ่านแล้วเห็นภาพเลย รอเบิ่งตัวอย่างแจ่มๆอยู่นะงับ แหะๆ

ปล.เปลี่ยนมาใช้ delphi ซะดีมั้ยนี่

[JackY]

จ๊วบบบบบ ขอบคุณค้าบบ เผื่อไม่เห็นภาพ ----
อย่างถ้าไปทำappขึ้นมาตัวนึง จะมีพวกเจ้ากี้เจ้าการมาแบ่ง security คนนั้นเข้าformนี้ไม่ได้ ปุ่มนี้กดได้ คนนั้นห้ามกดปุ่มนี้ ปุ่มนี้ disable ปุ่มนั้น enable ถ้าไปนั่งcodeก็จะรู้สึกว่าทำไมมันไม่เป็นระเบียบเลยว้า เพิ่มปุ่มขึ้นมาก็ต้องไปนั่งแก้อีก ประมาณนี้อ่ะครับ คุง jacky เค้าใช้ blob field มาทำหน้าที่จัดระเบียบให้

แล้วคุง Jacky แน่น C ด้วยไหมง้าบ จะได้มารบกวนอีก จ๊วบบบ ล่วงหน้า

c++ ทิ้งมันไปตั้งแต่เรียนจบปี 1 แล้วล่ะครับ ยังไม่ได้จับเลย แล้วพอมาจับเดลไฟก็ โอ้แม่เจ้านี่ล่ะที่หามานาน เขียนง่ายสไตล์ VB แต่ performance สุดยอดระดับ c++

[JackY]

เอาตัวอย่างง่ายๆก่อนแล้วกันนะครับ เกี่ยวกับการใช้งาน BLOB Field

1. เก็บรายงานของ FastReport ไว้ใน DB

ตัวอย่างนี้ใช้ฐานข้อมูลของ Access นะครับ ส่วนใครจะไปปรับปรุงกับฐานข้อมูลตัวอื่นก็ได้นะครับ

ผมสร้างฐานข้อมูลไว้ในตารางชื่อ Report นะครับ มีโครงสร้างดังนี้

  ID                        AutoNumber
  ReportDescription  text(255)
  ReportFile                  OLE Object

ผมใช้งาน Component ADO และ FastReport 2.53 นะครับ สำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบคงต้องไปหา FastReport 2.53 มาใช้แล้วล่ะ เพราะ ADO มีติดมากะเดลไฟอยู่แล้ว

ขั้นตอนการทำก็คือ
1. แปะ component ADOConnection ลงมาบนฟอร์มหรือ DataModule ก็ได้แล้วแต่สะดวก หลังจากนั้นก็กำหนด ConnectionString ไปยัง Database
2. แปะ component ADODataSet หรือถ้าใครถนัดจะใช้ ADOTable หรีอ ADOQuery ก็ได้อันนี้แล้วแต่ แต่ อ.จิรายุบอกว่าใช้ ADODataset จะเร็วกว่า ส่วน ADOTable กะ ADOQuery มันทำมาสำหรับคนที่เคยใช้ BDE จะได้เคยชิน
3. ที่ ADODataset กำหนด property ดังนี้

Connection = ชื่อ ADOConnection ของเรา
CommandType = cmdText
CommandText = select * from Report

4. สมมติว่าเราตั้งชื่อ ADOdataset ว่า Report นะครับ หลังจากนั้นเราคลิกว่าที่ ADODataset แล้วเลือก Field Editor หลังจากนั้นก็คลิกขวา เลือก Add All Field
5. เดลไฟก็จะสร้าง Persistance Field ขึ้นมาให้ตามจำนวน Field ที่เรา Select มา โดยเอาชื่อ ADODataset + ชื่อ Field และกำหนดชนิดข้อมูลตามที่เราประกาศไว้ใน Db ให้อัตโนมัติ ซึงจากตัวอย่างจะได้ดังนี้

ReportID: TAutoIncField;
ReportReportDescription: TWideStringField;
ReportReportFile: TBlobField;

ซึ่งพระเอกของตัวอย่างนี้ก็คือ ReportReportFile ซึ่งเป็น TBlobField นั่นเองครับ ไว้ต่อกระทู้หน้านะครับ

[JackY]

6. แปะ Component DBGrid,DataSource,DBNavigator ลงมาเพื่อแสดงฐานข้อมูล
7. แปะ component frReport และ frDesigner ลงมา

อันนี้เป็น Object ทั้งหมดในฟอร์มนะครับ ดูพวก component ที่แปะทั้งหมด แล้วก็ค่า property ต่างๆตามนี้นะครับ

object Form1: TForm1
  Left = 253
  Top = 159
  Width = 320
  Height = 174
  Caption = 'Form1'
  Color = clBtnFace
  Font.Charset = DEFAULT_CHARSET
  Font.Color = clWindowText
  Font.Height = -11
  Font.Name = 'MS Sans Serif'
  Font.Style = []
  OldCreateOrder = False
  OnCreate = FormCreate
  PixelsPerInch = 96
  TextHeight = 13
  object btnRun: TSpeedButton
    Left = 286
    Top = 121
    Width = 25
    Height = 25
    Caption = 'R'
    OnClick = btnRunClick
  end
  object btnDesign: TSpeedButton
    Left = 260
    Top = 121
    Width = 25
    Height = 25
    Caption = 'D'
    OnClick = btnDesignClick
  end
  object DBGrid1: TDBGrid
    Left = 0
    Top = 0
    Width = 310
    Height = 120
    DataSource = dsReport
    TabOrder = 0
    TitleFont.Charset = DEFAULT_CHARSET
    TitleFont.Color = clWindowText
    TitleFont.Height = -11
    TitleFont.Name = 'MS Sans Serif'
    TitleFont.Style = []
    Columns = <
      item
        Expanded = False
        FieldName = 'ID'
        Title.Alignment = taCenter
        Width = 50
        Visible = True
      end
      item
        Expanded = False
        FieldName = 'ReportDescription'
        Title.Alignment = taCenter
        Width = 150
        Visible = True
      end>
  end
  object DBNavigator1: TDBNavigator
    Left = 0
    Top = 121
    Width = 260
    Height = 25
    DataSource = dsReport
    TabOrder = 1
  end
  object Con: TADOConnection
    Connected = True
    ConnectionString =
      'Provider=Microsoft.Jet.OLEDB.4.0;Data Source=C:\Documents and Se' +
      'ttings\suphonchai\Desktop\&agrave;&iexcl;&ccedil;&ordm;&Atilde;&Ograve;&Acirc;&sect;&Ograve;&sup1;&auml;&Ccedil;&eacute;&atilde;&sup1; DB - &aacute;&iexcl;&eacute;&auml;&cent;&Iacute;&ecirc;&Iacute;&raquo;&agrave;&uml;&ccedil;&curren;&micro;&Iacute;&sup1;&Atilde;' +
      '&Ntilde;&sup1;&auml;&middot;&Aacute;&igrave;\fr2\dbReport.mdb;Persist Security Info=False'
    LoginPrompt = False
    Mode = cmShareDenyNone
    Provider = 'Microsoft.Jet.OLEDB.4.0'
    Left = 24
    Top = 8
  end
  object Report: TADODataSet
    Connection = Con
    BeforePost = ReportBeforePost
    AfterPost = ReportAfterPost
    OnNewRecord = ReportNewRecord
    OnPostError = ReportPostError
    CommandText = 'select * from Report'
    Parameters = <>
    Left = 24
    Top = 56
    object ReportID: TAutoIncField
      FieldName = 'ID'
      ReadOnly = True
    end
    object ReportReportDescription: TWideStringField
      FieldName = 'ReportDescription'
      Size = 255
    end
    object ReportReportFile: TBlobField
      FieldName = 'ReportFile'
    end
  end
  object dsReport: TDataSource
    DataSet = Report
    OnStateChange = dsReportStateChange
    OnDataChange = dsReportDataChange
    Left = 72
    Top = 56
  end
  object frDesigner1: TfrDesigner
    CloseQuery = False
    Left = 256
    Top = 72
  end
  object frReport1: TfrReport
    InitialZoom = pzDefault
    PreviewButtons = [pbZoom, pbLoad, pbSave, pbPrint, pbFind, pbHelp, pbExit]
    StoreInDFM = True
    RebuildPrinter = False
    Left = 216
    Top = 72
    ReportForm = {
      19000000A5000000190000000015004850204C617365724A6574203231303020
      50434C3600FFFFFFFFFF010000006F080000EA0A000000000000000000000000
      00000000000000FFFF00000000FFFF000000000000000000000000030400466F
      726D000F0000FFDC000000780000007C0100002C01000004000000FEFEFF0000
      00000000000000000000FC000000000000000000000000000000005800A559DA
      06AD14E34090D90A60AD14E340}
  end
  object frOLEObject1: TfrOLEObject
    Left = 104
    Top = 16
  end
  object frCheckBoxObject1: TfrCheckBoxObject
    Left = 176
    Top = 16
  end
  object frRichObject1: TfrRichObject
    Left = 144
    Top = 16
  end
  object frShapeObject1: TfrShapeObject
    Left = 232
    Top = 16
  end
  object frBarCodeObject1: TfrBarCodeObject
    Left = 208
    Top = 16
  end
  object frChartObject1: TfrChartObject
    Left = 152
    Top = 32
  end
  object frRoundRectObject1: TfrRoundRectObject
    Left = 104
    Top = 16
  end
  object frCrossObject1: TfrCrossObject
    Left = 192
    Top = 32
  end
end

ส่วนอันนี้เป็น sourcecode นะครับแปะไว้ก่อนเด๋วค่อยไปเจาะลึกในรายละเอียด

unit Unit1;

interface

uses
  Windows, Messages, SysUtils, Variants, Classes, Graphics, Controls, Forms,
  Dialogs, DB, ADODB, ExtCtrls, DBCtrls, Grids, DBGrids, Buttons, FR_Class,
  FR_Desgn, FR_Cross, FR_RRect, FR_Chart, FR_BarC, FR_Shape, FR_Rich,
  FR_ChBox, FR_OLE;

type
  TForm1 = class(TForm)
    Con: TADOConnection;
    Report: TADODataSet;
    ReportID: TAutoIncField;
    ReportReportDescription: TWideStringField;
    ReportReportFile: TBlobField;
    DBGrid1: TDBGrid;
    dsReport: TDataSource;
    DBNavigator1: TDBNavigator;
    btnRun: TSpeedButton;
    btnDesign: TSpeedButton;
    frDesigner1: TfrDesigner;
    frReport1: TfrReport;
    frOLEObject1: TfrOLEObject;
    frCheckBoxObject1: TfrCheckBoxObject;
    frRichObject1: TfrRichObject;
    frShapeObject1: TfrShapeObject;
    frBarCodeObject1: TfrBarCodeObject;
    frChartObject1: TfrChartObject;
    frRoundRectObject1: TfrRoundRectObject;
    frCrossObject1: TfrCrossObject;
    procedure btnRunClick(Sender: TObject);
    procedure btnDesignClick(Sender: TObject);
    procedure dsReportStateChange(Sender: TObject);
    procedure FormCreate(Sender: TObject);
    procedure ReportNewRecord(DataSet: TDataSet);
    procedure ReportAfterPost(DataSet: TDataSet);
    procedure ReportPostError(DataSet: TDataSet; E: EDatabaseError;
      var Action: TDataAction);
    procedure dsReportDataChange(Sender: TObject; Field: TField);
    procedure ReportBeforePost(DataSet: TDataSet);
  private
    { Private declarations }
  public
    { Public declarations }
  end;

var
  Form1: TForm1;

implementation

{$R *.dfm}

procedure TForm1.btnRunClick(Sender: TObject);
begin
  frReport1.ShowReport;
end;

procedure TForm1.btnDesignClick(Sender: TObject);
begin
  frReport1.DesignReport;
end;

procedure TForm1.dsReportStateChange(Sender: TObject);
begin
  btnDesign.Enabled := dsReport.DataSet.State in [dsInsert,dsEdit];
  btnRun.Enabled    := dsReport.DataSet.State in [dsBrowse];
end;

procedure TForm1.FormCreate(Sender: TObject);
begin
  Report.Open;
end;

procedure TForm1.ReportNewRecord(DataSet: TDataSet);
begin
  frReport1.Clear;
end;

procedure TForm1.ReportAfterPost(DataSet: TDataSet);
begin
  MessageDlg('&ordm;&Ntilde;&sup1;&middot;&Ouml;&iexcl;&Atilde;&Ograve;&Acirc;&sect;&Ograve;&sup1;&agrave;&Atilde;&Otilde;&Acirc;&ordm;&Atilde;&eacute;&Iacute;&Acirc;&aacute;&Aring;&eacute;&Ccedil;',mtInformation,[mbOk],0);
end;

procedure TForm1.ReportPostError(DataSet: TDataSet; E: EDatabaseError;
  var Action: TDataAction);
begin
  raise Exception.Create(E.Message);
end;

procedure TForm1.dsReportDataChange(Sender: TObject; Field: TField);
begin
  if not (Report.State in [dsInsert,dsEdit]) then
  begin
    frReport1.LoadFromBlobField(ReportReportFile);
  end;
end;

procedure TForm1.ReportBeforePost(DataSet: TDataSet);
begin
  frReport1.SaveToBlobField(ReportReportFile);
end;

end.

[JackY]

อธิบายความหมายของแต่ละ Method ครับ

procedure btnRunClick(Sender: TObject); <--------- ใช้ตอนแสดงรายงาน
procedure btnDesignClick(Sender: TObject); <--------- กดเพื่ออกแบบรายงาน
procedure dsReportStateChange(Sender: TObject); <---- เมื่อ Dataset ที่ link กับ dsReport มีการเปลี่ยนแปลง state จะทำอะไรบ้าง (ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับความคุม enable,disable พวก control ต่างๆ)
procedure FormCreate(Sender: TObject); <---- ทำเมื่อฟอร์มนี้ถูกสร้างขึ้นมา
procedure ReportNewRecord(DataSet: TDataSet); <----- เกิด event นี่ต่อเมื่อเราเพิ่ม record ใหม่
procedure ReportAfterPost(DataSet: TDataSet); <--- Event จะเกิดขึ้นเมื่อหลังจากที่กดปุ่ม post
procedure ReportPostError(DataSet: TDataSet; E: EDatabaseError;
var Action: TDataAction); <----- เมื่อ post ข้อมูลแล้วเกิดข้อผิดพลาด จะเกิด Event นี้
procedure dsReportDataChange(Sender: TObject; Field: TField); <---- เมื่อ Dataset มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เราก็เช็คว่าถ้าไม่ใช้การ insert หรือ edit ก็ให้ load report มาเก็บเอาไว้ เพื่อรอให้ user กด view ดู
procedure ReportBeforePost(DataSet: TDataSet); <--- ก่อนที่จะบันทึกข้อมูลลง database จะทำอะไรบ้าง ในตัวอย่างนี้ก็จะเอา report ที่ทำการ design ไว้ล่าสุดเก็บลง TBlobField เพื่อที่จะบันทึกลงฐานข้อมูล

[JackY]

Event ต่างๆที่ต้องไปเขียนที่ component

object dsReport: TDataSource
    OnStateChange = dsReportStateChange
    OnDataChange = dsReportDataChange
end

object Report: TADODataSet
    BeforePost = ReportBeforePost
    AfterPost = ReportAfterPost
    OnNewRecord = ReportNewRecord
    OnPostError = ReportPostError
end

จะมีคนอ่านแล้วเข้าใจไหมหนอ

[dokaponk]

เข้าใจคับ ^^"
อยากถาม concept 3tierหน่อยคับว่ามันเหมาะกับทุกcaseป่าว คือบางงานเป็นbatch ทำทีเปนแสนtransaction ต่อวัน มันเหมาะที่จะทำ 3tier ไหมหรือแค่ทำ script sql ยิงในoracleตรงๆจะดีกว่า แล้วยังงี้ 3tier มันจะเหมาะหรือไม่เหมาะกะbatch ขนาดใหย่ๆยังไง ให้ความรู้หน่อยค้าบ ><

[JackY]

เข้าใจคับ ^^"
อยากถาม concept 3tierหน่อยคับว่ามันเหมาะกับทุกcaseป่าว คือบางงานเป็นbatch ทำทีเปนแสนtransaction ต่อวัน มันเหมาะที่จะทำ 3tier ไหมหรือแค่ทำ script sql ยิงในoracleตรงๆจะดีกว่า แล้วยังงี้ 3tier มันจะเหมาะหรือไม่เหมาะกะbatch ขนาดใหย่ๆยังไง ให้ความรู้หน่อยค้าบ ><

ผมก็ว่ามันก็น่าจะเหมาะนะครับ เพราะ concept 3-tier ของ delphi มันใช้งานร่วมกันกับ ClientDataSet ซึ่งทำงานบน memory ซึ่งเราสามารถทำงานกับ database แบบ connectionless ได้ นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องทำการติดต่อ database ตลอดเวลาที่เราทำงานก็ได้ เพราะว่าเมื่อเรา retrive ข้อมูลมาแล้วเราสามารถตัด connection และยังทำงานต่อไปได้โดยที่ข้อมูลใน CDS(ClientDataSet) ไม่หายไปไหน แถมการทำงานแบบ 3-tier นั้นยังมีการ reconcile ข้อมูลที่ทำการแก้ไขใน record เดียวกันอีกด้วย

เช่น
ถ้าผมทำการแก้ไขใน Field Address แล้วทำการบันทึกลงไปก่อน ในขณะเดียวกันถ้าคุณ dokaponk แก้ไข Field Address เหมือนกันมันก็จะเกิด Event OnReconcileError ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป เช่น Abort ไปเลย หรือกลับไปแก้ไขก่อน หรือ....ตามแต่ action ต่างๆที่เดลไฟมีครับ ซึ่งผมก็คิดว่า Feature 2 หลักๆนี้มันก็น่าจะดีกว่าการเขียนแบบ Client/Server แล้วนะครับ